ศูนย์รวมพระเครื่อง-ธนบัตรเก่า-ธนบัตรที่ระลึก ของอดีตนายธนาคารระดับตำนาน

ใครใคร่ดู -ดู
ใครใคร่แบ่งปัน -แบ่งปัน
ใครใคร่ค้า -ค้า

เชิญครับ.....ตามอารมณ์.....บนพื้นฐานของกฎ.....
อนิจจัง.....ทุกข์ขัง.....อนัตตา.....

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระรูปเหมือนไต่ฮงกง รุ่นแรก

         พระไต่ฮงกงโจวซือ ท่านเป็นพระสมัยราชวงศ์ซ้อง ในมณฆลฮกเกี้ยน บนผืนแผ่นดินใหญ่ ท่านศึกษาพระไตรปิฎกจนแตกฉาน ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนบรรลุธรรมอันวิเศษ เป็นที่เคารพบูชามากๆของคนไทยเชื้อสายจีน..และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป
......พระรูปเหมือนนี้สร้างเมื่อวันที่ 1-5เดือนมิถุนายนปีพ.ศ.2493 เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 40 แห่งการก่อตั้ง"มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง" โดยทำพิธีทางศาสนาทั้งฝ่ายหินยานและฝ่ายมหายาน มีสมเด็จพระสังฆราชอยู่ วัดสระเกศ เสด็จมาเป็นองค์ประธานเททอง ร่วมด้วยเกจิอาจารย์ทั่วทุกภาคกว่า 108รูปมาร่วมปลุกเสก
.....สมัยนี้หาแท้ๆยาก ..องค์นี้นอกจากแท้แน่นอนแล้ว องค์อื่นๆที่เราเคยเห็นยังต้องนับถือให้เป็น"องค์ครู"เพราะ พระ ลึก ชัด คม และพระพักตร์หล่อมาก

                                                                         

พระคงลำพูน จ.ลำพูน สภาพยังสวยสมบูรณ์แม้อายุกว่า1000ปี แล้ว

พระคง เป็นพระเนื้อดิน อยู่ในสมัยเดียวกันกับพระรอด(หนึ่งในชุดพระเบญจภาคี)แต่พบจำนวนมากกว่าพระรอด ราคาค่านิยมจึงเป็นรอง(ตามหลักdemand-supply)..แต่สวยๆตอนนี้ก็ว่ากันเป็นแสนแล้ว


                                             
                          

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ พิมพ์หลังเตารีดเล็ก(อาปาเช่) ปี พ.ศ.2505

ศึกษาให้ดี สมัยนี้เขาทำศัลยกรรม"เฉาะหน้า"พระกันแล้ว...
พิมพ์เล็กนี้มี 2พิมพ์(บล็อก)คือพิมพ์แข้งขีด และพิมพ์แข้งไม่ขีด ..องค์นี้เป็นพิมพ์แข้งไม่ขีด
ดูง่าย..คราบเบ้าเดิมๆยังอยู่เลย




วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ทรงเจดีย์ กรุใหม่ วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ

เป็นองค์ครู ดูเนื้อและคราบกรุได้ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พิมพ์ทรงคมชัดมาก เสียดายนิดตรงที่มุมบนขวาบิ่นไปหน่อย แต่ยังดีไม่ถึงซุ้มครอบแก้ว

พระชัยวัฒน์ วัดสุทัศน์เทพวรารามวรมหาวิหาร ปี2484 (รุ่นวัดช้าง) สร้างโดย สมเด็จพระสังฆราช(แพ ติสฺสเทว มหาเถร)

พระสวย หล่อเต็มองค์ เก่าเก็บ ระดับติดรางวัลสบายๆ..ชิลด์ ชิลด์

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน (ชุดสุดยอดหายาก)

                                                                        พิมพ์กลักไม้ขีด

                                   สภาพพระยังไม่ผ่านการใช้เลย                        ด้านหลังฝังตะกรุดทองคำ

                                                                         พิมพ์รูปเหมือน

                                       สภาพไม่ผ่านการใช้เลย                      หลังยันต์ นะ ฝังตะกรุด(ปลอกลูกปืน)

พระสมเด็จวัดระฆังโฆษิตาราม พิมพ์ทรงเจดีย์ องค์ตำนานในรังพระเก่า ดูรูปภาพก็รู้ว่าแท้ สวยสมบูรณ์ ท้าชนแชมป์

องค์นี้เพิ่งเผยโฉมครั้งแรกในวงการ  
                                                
               

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระ25พระพุทธศตวรรษ พิมพ์นิยม(มีเข็ม) ..สวยกริ๊บ


25th Century Amulets 

พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ เป็นสุดยอดพระเครื่องที่น่าหามาบูชาอย่างยิ่ง เนื่องด้วยพิธีที่ยิ่งใหญ่ เจตนาและวัตถุประสงค์ในการสร้างที่ดี รวมใว้ซึ่งสถาบันสำคัญของประเทศ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างพุทธ มณฑลเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม พ.ศ. 2498 และเสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปจำลอง "พระพุทธปฏิมาประธานพุทธมณฑล" และทรงกดพระพิมพ์ พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ เนื้อดินผสมเกสรจำนวน ๓๐ องค์ ณ มณฑลพิธีวัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 พระ 25 พุทธศตวรรษ สร้างขึ้นเมื่อปี 2500 วัตถุประสงค์เพื่อหารายได้สร้าง พุทธมณฑล ที่ศาลายา จ.นครปฐม เพื่อให้เป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาในเมืองไทย สมัยนั้นใครที่ไปติดต่อราชการที่อำเภอหรือจังหวัด จะต้องทำบุญเช่าพระ พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ สมัยก่อน 1 องค์ 5 บาท ทำให้คนไทยเกือบทุกบ้านมีพระรุ่นนี้กันอย่างทั่วถึง แต่เนื่องจากจำนวนสร้างมีมากเป็นล้านองค์ ทำให้ พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ บางเนื้อยังคงมีเหลืออยู่ที่ พุทธมณฑล ในขณะเดียวกัน พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ ในตลาดพระก็ยังมีการเช่าบูชากันในราคาที่ไม่แพงนัก ยกเว้นพระเนื้อพิเศษ เช่น เนื้อทองคำ เนื้อเงิน หรือหรือดินเผาสีแปลกๆ องค์สวยคมชัดมาก ก็อาจจะมีราคาแพงกว่าองค์ธรรมดา พระเครื่องฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ถือได้ว่า เป็นพระเครื่องที่มาพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่มากรุ่นหนึ่งในวงการพระ เครื่อง มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ 25 รูป พระคณาจารย์ปลุกเสกพุทธาคมครบ 108 รูป พระคณาจารย์ 108 รูป ซึ่งได้อาราธนามาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย พระคณาจารย์แต่ละรูปล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษเนื้อดิน มีหลายขนาดและหลากหลายโทนสีเนื่องจาก การเผาผ่านความร้อนที่ต่างกันเช่นเดียวกับพระเนื้อดินโบราณสมัยก่อน ที่มีขนาดและโทนสีที่แตกต่างกัน และพระบางองค์ที่ถูกความร้อนมากหน่อยก็จะ หดตัวเล็กลงไป หรือพระบางองค์ที่ผสมผงเกสรหรือว่านมากไปก็จะกลายเป็น สีดำ










พระกริ่งใหญ่(จีน)



ประวัติการสร้างพระกริ่งใหญ่จีน
ครั้งเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้วนั้น ศาสนาของพระพุทธองค์ได้เกิดลัทธิแตกออกไปเป็นสองลัทธินิกายคือ ทางอินเดียฝ่ายใต้ และประเทศลังกา ยอมรับนับถือพุทธศาสนาลัทธิหินยานหรือเถรวาท ซึ่งยอมรับนับถือพระพุทธองค์ว่าเป็นศาสดาเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น และจำเริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เชื่อและยึดถือพระธรรมคำสอนแห่งพระพุทธองค์ และปฏิบัติเคร่งครัดตามพระธรรมวินัย ดั้งเดิมเป็นสาระสำคัญไม่เสื่อมคลายส่วนพระพุทธศาสนาในอินเดียฝ่ายเหนือรวมถึงทิเบตและจีนนั้น ได้แบ่งแยกตัวเอง เป็นพุทธศาสนาลัทธิมหายาน และได้แบ่งแยกสาขาออกไปอีกเป็นอันมาก ตามลัทธิมหายานนี้เชื่อกันว่า พระธรรมคำสอนนั้นมีอยู่คู่กับโลกตลอดมา สมเด็จพระบรมศาสดาเป็นบุคคลหนึ่งผู้ทรงไปพบเข้าเท่านั้น ซึ่งก่อนที่สมเด็จพระบรมศาสดาของเราจักทรงไปค้นพบดังกล่าว ได้มีบุคคลผู้ทรงค้นพบมาก่อนแล้ว (ตามนัยเรื่องพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์) เป็นต้น ในพุทธศาสนามหายาน จึงอุดมไปด้วยพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์จำนวนมาก ที่ดำรงอยู่คอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ และยังเป็นอุบายธรรมประการหนึ่ง ที่จะชักนำคนเข้าหาพระศาสนา ตามความเชื่อในพุทธศาสนามหายาน เชื่อว่า มีพระอาทิพุทธเจ้า ซึ่งดำรงอยู่ในฐานะเป็นบ่อเกิดของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย หมายถึง สภาวธรรมอันมีอยู่คู่โลกแต่เดิม และมีพระธยานิพุทธเจ้าซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าในสมาธิ ซึ่งสถิตอยู่ในแดนพุทธเกษตร ในขณะที่พระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นบนโลกเรียกว่า พระมนุษิพุทธเจ้าหมายถึง พระพุทธเจ้าในภาคมนุษย์ ทั้งพระธยานิพุทธ และ พระมนุษิพุทธ ล้วนอุบัติขึ้นจากอำนาจฌานสมาบัติของพระอาทิพุทธเจ้าทั้งสิ้น คติมหายานจึงเชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า ว่า มีมากมายสุดคณานับได้ และพระพุทธเจ้าทั้งมวล ล้วนตีความโดยถือเป็นปุคคลาธิษฐานของพระธรรมได้ทั้งสิ้นลัทธิมหายานได้มีพระพุทธเจ้าอยู่มากมายหลายพระองค์ ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในข้างต้นแต่มีอยู่พระองค์หนึ่งที่ได้มีผู้เคารพบูชากันเป็นจำนวนมากคือ พระไภษัชยคุรุ หรือ พระพุทธเจ้าทางยา ตามประวัติใน “คัมภีร์ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชามูลปณิธานสูตร” ของพระองค์กล่าวว่า พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ประทับอยู่ ณแดนพุทธเกษตร ชื่อ วิศุทธิ ไวฑูรย์โลกธาตุ ทางเบื้องทิศตะวันออกของโลกเรา ก่อนที่จะทรงอุบัติขึ้นนั้น พระองค์ทรงตั้งพระปณิธานไว้หลายประการ ซึ่งล้วนแต่จะทรงอุบัติมาเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ยากของมวลมนุษย์ทั้งสิ้นทั้งโรคทางกายและทางใจ รวมถึงความทุกข์ยากจากการดำรงชีวิต อาการบ้าใบ้ พิกลพิการและทุกข์โศกอีกนานัปการ สุดที่จะพรรณนาได้ครบถ้วน ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการสร้างรูปพระไภษัชยคุรุไว้สักการะบูชากันอย่างแพร่หลายอนึ่ง การสวดมนต์ในพุทธศาสนามหายานและขอพรจากพระไภษัชยคุรุนั้น จะต้องมีการตีเกราะเคาะกระดิ่งให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะในการสวดมนต์ อีกนัยหนึ่งก็เพื่อได้ยินไปสู่พระองค์ท่าน ตามความเชื่อในลัทธิมหายานซึ่งเราจะได้เห็นสิ่งดังกล่าวแล้ว จะต้องมีในการประกอบศาสนพิธีเสมอ เรียกว่า “พุทธสังคีต”และนับว่าเพื่อให้เกิดความขลังเป็นประสิทธิ์เมื่อชาวจีนมีการเดินทางค้าขายไปยังแดนไกล พ้นวิสัยที่จะนำเอาพระไภษัชยคุรุไปด้วยเพราะส่วนมากเขาจะเทหล่อให้มีขนาดใหญ่ไว้ประจำโบสถ์วิหาร ท่านจึงได้ประดิษฐ์คิดสร้างโดยย่นย่อให้พระไภษัชยคุรุ มีขนาดเล็ก สามารถที่จะพกพาติดตัวไปได้ และเพื่อให้ถึงพร้อมในพิธีกรรมการอธิษฐานจิตเพื่ออานิสงส์ ตามความปรารถนา อีกทั้งเพื่อให้เกิดเสียงดังไปถึงพระองค์ท่าน อย่างเช่น การตีเกราะ เคาะระฆังสั่นกระดิ่ง ท่านผู้สร้างจึงได้บรรจุเม็ดกริ่งไว้ที่ใต้ฐาน เพลาจะอธิษฐานจิตตามความปรารถนา จะได้จับองค์พระสั่นให้เกิดเสียงดัง เราท่านพากันเรียกชื่อพระในลักษณะนี้ว่า พระกริ่งนอกจากนี้ พระกริ่ง ยังแฝงแนวคิดทางพุทธปรัชญาเอาไว้ กล่าวคือ เม็ดกริ่งที่บรรจุไว้นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธภาวะ อันมีคุณลักษณะเป็นอนาทิ คือเบื้องต้นไม่ปรากฏและอนันตะแผ่ซ่านอยู่ทั่วเบื้องปลายไม่ปรากฏ สภาวะดังกล่าวนี้ หมายถึง ศูนยตาอันเป็นสภาวะแห่งพระนิพพานนั่นเอง อีกนัยหนึ่ง ชะรอยจะถือตามคติที่ว่า แม้เพียงได้สดับพระนามพระไภษัชยคุรุก็อาจให้ได้รับความสวัสดี จึงใช้เม็ดกริ่งบรรจุไว้เพราะเมื่อสั่นองค์พระทุกครั้งย่อมบังเกิดกุศลเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายผู้สั่น ก็เท่ากับได้สวดภาวนาถึงองค์พระไภษัชยคุรุ ส่วนผู้อื่นที่ได้ยินก็พลอยได้ผลานิสงส์ไปด้วยพระกริ่ง ปรากฏในประเทศไทย แต่เมื่อใดไม่มีใครอาจทราบอย่างแน่ชัด เพิ่งปรากฏพระกริ่งอย่างเป็นรูปธรรมในสมัยกรุงศรีอยุธยา เข้าใจว่าคงจะมีพ่อค้าวาณิชคนจีนนำเข้ามาก่อน และเท่าที่พบเห็นมีอยู่เพียง ๓ แบบ เท่านั้นคือพระกริ่งใหญ่พระกริ่งบาเก็งพระกริ่งหนองแสงในแวดวงนักสะสมพระเครื่องเรียกพระกริ่งทั้ง ๓ แบบนั้นว่า พระกริ่งนอก คือ พระกริ่งซึ่งมาจากนอกประเทศ เพราะในประเทศก็ไม่ปรากฏว่าได้มีการสร้างพระกริ่งดังกล่าว ณ ที่แห่งใดเลยพระกริ่งนอก ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดก็คือพระกริ่งใหญ่ ซึ่งมีพุทธลักษณะที่งดงาม พระวรกายที่สมบูรณ์ และพระพักตร์ที่เอิบอิ่ม แววพระเนตรเต็มไปด้วยความเมตตา สมกับพระปณิธานของพระองค์ ที่ทรงอุบัติขึ้นเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์กายและใจของมวลมนุษยชาติเมื่อพิจารณาดูแล้ว จะเกิดการบันดาลใจให้มีปีติและเป็นสุขพระกริ่งใหญ่ เป็นพระกริ่งซึ่งเทแบบเบ้าประกบ ฝีมือประณีตและงดงามมาก ตลอดพระองค์จะไม่ปรากฏรอยตกแต่งตะไบให้เห็นเลยเนื้อพระกริ่งจัดเป็นประเภททองสำริด สีวรรณะ ออกไปทางทองดอกบวบ เข้าใจว่าเป็นเนื้อทองเหลือง ซึ่งมีส่วนผสมของทองคำมาก จึงเป็นการรักษาเนื้อของพระกริ่งใหญ่เป็นอย่างดีและเท่าที่เคยเห็นพระกริ่งใหญ่มา ส่วนมากจะไม่ปรากฏสนิมเขียวเกาะกินเลย กลับจะมีคราบไขเป็นสีมันปู หรือสีนํ้าตาล ซึ่งจะมีปรากฏเฉพาะเนื้อพระ ที่มีส่วนผสมแก่ทองเท่านั้นการเท จะเทแบบ ก้นกลวงบรรจุเม็ดกริ่งที่ใต้ฐานแล้วบัดกรีปิดอีกทีหนึ่งอนึ่ง รูปแบบของพระกริ่งใหญ่นี้ เกิดความเชื่ออย่างสนิทใจว่า เป็นฝีมือปั้นของช่างจีน และเทตามขบวนการของช่างจีนคือ เทแบบเบ้าประกบ ฝีมือประณีตและงดงามเป็นอย่างยิ่ง และจากรูปแบบของพระกริ่งใหญ่นี้เอง ที่สืบต่อมาได้เป็นต้นแบบของพระกริ่งใน ไม่ว่าจะเป็นพระกริ่งปวเรศฯ พระกริ่งสายวัดสุทัศน์ฯ ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลและรูปแบบมาจากพระกริ่งใหญ่ทั้งสิ้น เรื่องพระกริ่งใหญ่มีเรื่องแปลกอยู่ คือ เมื่อคราวประเทศจีนเปิดประเทศ และยอมขายพระและวัตถุโบราณบางชนิดออกนอกประเทศได้นั้น มีนักนิยมสะสมพระเครื่องหลายท่านที่ยอมออกทุนออกแรง ชนิดหมายมั่นปั้นมือที่จะไปซื้อหาพระกริ่งใหญ่ แต่ท่านเชื่อไหมว่า ในประเทศจีนไม่ปรากฏมีพระกริ่งใหญ่แม้แต่องค์เดียว ทำให้ต่างผิดหวังไปตามๆ กันมีคนเคยซื้อพระกริ่งใหญ่ได้องค์หนึ่งจากฮ่องกง และจากเวียดนามตอนเปิดประเทศอีกองค์หนึ่ง พระกริ่งใหญ่ทั้งสององค์ดังกล่าว ล้วนแต่ได้จากร้านค้าของเก่าของเอกชน แต่พระกริ่งใหญ่ที่มีการเล่นหากันแพร่หลายและมีจำนวนนับได้กว่าสิบองค์ล้วนแต่ได้จากในประเทศไทยทั้งสิ้น ถ้าผมจะพูดว่า พระกริ่งใหญ่เหล่านี้ได้มีการเทหล่อในประเทศไทยโดยฝีมือช่างชาวจีนคงจะมีเหตุผลพออย่างแน่นอนพุทธานุภาพ ในพระกริ่งใหญ่ ปรากฏให้ คุณจำเริญ วัฒนายากร ผู้ซึ่งนิยมเล่นหาพระกริ่งใหญ่ท่านหนึ่งได้กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ครั้งหนึ่งท่านแล่นรถขึ้นไปบนภูเขาสูง ขณะที่หยุดรถอยู่นั้น พลันปรากฏรุ้งกินนํ้าอยู่ที่ขอบฟ้า มีผู้ที่ท่านนับถืออยู่คนหนึ่งว่า พระกริ่งใหญ่มีอานุภาพตัดรุ้งกินนํ้าได้ ท่านเลยปลดสร้อยซึ่งมีพระกริ่งใหญ่อยู่องค์หนึ่ง อาราธนาเพื่อขอดูพุทธานุภาพสักครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วท่านจับพระกริ่งฟาดไปยังตำแหน่งที่รุ้งกินนํ้า ปรากฏเป็นมหัศจรรย์ในบัดดลนั้นว่า รุ้งกินนํ้าได้ขาดออกเป็นสองท่อนแล้วค่อยวิ่งมาบรรจบกันอีก ด้วยเหตุนี้ คุณจำเริญ วัฒนายากรนิยมสะสมพระเครื่องโดยเฉพาะพระกริ่งใหญ่มากที่สุด และหวังจะให้ลูกๆ ทุกคนมีพระกริ่งใหญ่ เพราะได้ประจักษ์ในพุทธานุภาพดังกล่าวแล้ว

ข้อพิจารณาพระกริ่งใหญ่
  •  พิจารณาดูความเก่าโดยภาพรวมอย่างการพิจารณาพระบูชา เช่น เนื้อทองแห้งไม่สดใสเป็นเงา คราบสนิมมันปู หรือสนิมสีนํ้าตาล
  •  ไม่ปรากฏมีร่องรอยการตกแต่งด้วยตะไบ และไม่มีคราบดินขี้วัว
  •  มีความกลมกลืนที่เป็นธรรมชาติ
  •  เส้นสังฆาฏิที่ด้านหน้าจะเป็นเม็ดมากับพิมพ์เดิม เป็นต้น
จุดสังเกต พระกริ่งจีนใหญ่ (กริ่งนอก)ด้านหลัง
  • เม็ดพระศกเป็นแบบหล่อในตัว (ไม่มีการตอกยํ้า)
  • เนื้อพระบริเวณบ่าด้านหลังตรงชี้เต็มสมบูรณ์
  • เส้นฐานด้านหลังส่วนนี้ยกสูงด้านหน้า
  • พระเกศเมาลี เบี่ยงไปข้างซ้ายขององค์พระ
  • พระกรรณทั้งสองข้างปรากฏชัดเจนในระดับเดียวกัน ปลายจรดบ่าทั้งสองข้าง
  • เส้นขอบไรพระศกยกนูนเด่น
  • เปลือกพระเนตรพองโต
  • ปลายเส้นพระเนตรทั้งสองข้างชี้ขึ้น
  • พระโอษฐ์เป็นจีบแบบปากกระจับมองเห็นชัดเจน
  • หม้อนํ้าพุทธมนต์ติดชัดเจน
  • ชายผ้าพลิ้วเป็นรอบดูอ่อนไหวพระกริ่งใหญ่เป็นพระเทหล่อสำเร็จได้องค์พระสมบูรณ์สวยงามในคราวเดียว ไม่ปรากฏตะเข็บด้านข้างและรอยตะไบให้เห็น

พระหลวงตามหาบัว

พระหลวงตามหาบัว
พระอริยสงฆเจ้าผู้ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารอีก.